การป้องกันโรค
เนื่องจากสัตว์ที่เป็นพาหะโรคฉี่หนูมีมากมายจนไม่สามารถกำจัดให้หมดสิ้นไปได้ และเชื้อเลปโทสไปเรก็ยังคงปนเปื้อน อยู่ในสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวเรา การป้องกันโรคนี้ จึงกระทำได้ โดยหลีกเลี่ยงการสัมผัสเชื้อ ในแหล่งที่สงสัยว่า มีเชื้อปนเปื้อน หรือปกป้องตนเองในกรณีที่ต้องสัมผัสสิ่งที่ปนเปื้อนเชื้อ ดังนั้น วิธีการปฏิบัติที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการติดเชื้อมีดังนี้
๑. หลีกเลี่ยงสภาวะต่างๆ
๒. ใช้อุปกรณ์ป้องกันเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการสัมผัสเชื้อ
๓. กำจัดเชื้อหรือสัตว์ที่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์และแพร่เชื้อ
๔. การสำรวจโรคในสัตว์เลี้ยงและสัตว์ป่า
รวมทั้งการตรวจแหล่งน้ำ ดินทราย เพื่อค้นหาแหล่งปนเปื้อนหรือแหล่งแพร่เชื้อและดำเนินการแก้ไข
๕. แนะนำผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการสัมผัสเชื้อ ให้รีบพบแพทย์เมื่อมีกลุ่มอาการที่น่าสงสัย
เช่น มีไข้เฉียบพลัน ตาแดงปวดกล้ามเนื้อมาก ภายหลังจากสัมผัสน้ำหรือสัตว์ที่สงสัยภายใน ๖ - ๓๐ วัน เพื่อรีบขอรับการตรวจ และรักษาโดยเร็ว และบอกประวัติการเดินทางในระยะเวลา ๑ เดือนที่ผ่านมา เพื่อให้แพทย์นึกถึงโรคฉี่หนูด้วย
๖. การฉีดวัคซีนป้องกันโรค
การฉีดวัคซีนในสัตว์ให้ได้ผลจะต้องใช้วัคซีนที่มีเชื้อหลายๆ สายพันธุ์ที่พบในท้องถิ่นนั้นๆ จึงจะป้องกันการเกิดโรคได้ ส่วนการฉีดวัคซีนในคนไม่นิยมใช้ เพราะป้องกันได้เฉพาะสายพันธุ์อิกเทอโรเฮมอร์ราจิกา และต้องฉีดกระตุ้นทุกปี ประสิทธิภาพก็ยังไม่แน่นอน อีกทั้งในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนจำหน่ายในประเทศไทย
๗. การให้ยาปฏิชีวนะป้องกันโรค
ในกรณีหากมีการสัมผัสสิ่งปนเปื้อนเชื้อเป็นครั้งคราว ควรรับประทานยาปฏิชีวนะ เพื่อป้องกันการเกิดโรคในแต่ละครั้งคราวไป เช่น ทหารที่เข้าไปฝึกในป่า ผู้ที่เล่นน้ำในแหล่งน้ำที่สงสัยว่าปนเปื้อนเชื้อ อย่างไรก็ดี การรับประทานยาปฏิชีวนะ ควรต้องปรึกษาแพทย์ก่อน